ธปท.ยันรับมือวิกฤติยูโรได้ผ่านนโยบายการเงิน

ธปท.ยันรับมือวิกฤติยูโรได้ หากไม่ถึงขั้นร้ายแรง หรือเศรษฐกิจโลกทรุดหนัก ชี้ดอกเบี้ยนโยบาย 3% เหมาะสมแล้ว แต่หากฉุกเฉิน กนง.สามารถลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ระบุเงินทุนสุทธิยังเป็นไหลเข้า เพราะนักลงทุนซื้อพันธบัตรไทยต่อเนื่อง แต่หากสถานการณ์พลิกเงินไหลออกมาก พร้อมปรับเกณฑ์นำเข้าส่งออกเงินทุนให้เข้มงวดขึ้น เพื่อลดการไหลออกได้...

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2555 นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุถึงการประชุมร่วมกับรัฐบาลในการรับมือสถานการณ์วิกฤติทางเศรษฐกิจในกลุ่มสหภาพยุโรป (ยูโรโซน) ว่า รัฐบาลได้ฝากให้ ธปท. ดูแลในเรื่องอัตราดอกเบี้ย สภาพคล่อง อัตราแลกเปลี่ยน และดูแลระบบสถาบันการเงินให้รองรับผลกระทบจากวิกฤติของยุโรป และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งขณะนี้ ธปท.ได้วางแผนเพื่อดูแลในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมาได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 3% ซึ่งจนถึงขณะนี้ตนยังเห็นว่าเป็นอัตราที่เหมาะสม และช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวภายใต้สถานการณ์วิกฤติยุโรปที่ยังยืดเยื้อในระดับนี้ได้ และหากสถานการณ์วิกฤติยุโรปไม่รุนแรงมากขึ้นสามารถคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับนี้ต่อไปได้ และอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ในระดับ 6%

ทั้งนี้ หากสถานการณ์รุนแรง เช่น เศรษฐกิจยุโรปชะงักงัน การแก้ปัญหาทำต่อไม่ได้ หรือเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงอย่างรุนแรง ส่วนนี้ กนง.จะต้องมาพิจารณากันใหม่ถึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เหมาะสม ซึ่งในขณะนี้นโยบายการเงินมีช่องว่างให้ผ่อนคลายลงได้ เนื่องจากแรงกดดันในส่วนของเงินเฟ้อปรับตัวลดลง จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง

ส่วนด้านเงินทุนเคลื่อนย้าย แม้ว่านักลงทุนจะวิตกกังวลในสถานการณ์ยุโรป และมีเงินไหลออกจากตลาดหุ้นไทยบ้าง แต่ภาพรวมของเงินทุนตั้งแต่ต้นปีจากถึงปัจจุบันยังเป็นการไหลเข้าสุทธิ โดยไหลเข้ามาในตลาดพันธบัตร ทั้งนี้ หากมีการไหลออกของเงินทุนอย่างผิดปกติ ธปท.สามารถที่จะดูแลเรื่องนี้เพิ่มเติมได้ โดยการปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์การนำเงินออกนอกประเทศ ซึ่งในขณะนี้ค่อยข้างผ่อนคลาย อย่างในขณะนี้ ธปท.อนุญาตให้ผู้ที่มีถิ่นฐานในต่างประเทศซื้อเงินดอลลาร์โดยไม่มีธุรกรรมรองรับ ฝากในบัญชีผู้ที่มีถิ่นฐานอยู่นอกประเทศไม่เกิน 300 ล้านบาท หรือการถือครองเงินดอลลาร์ของผู้ส่งออกในต่างประเทศ ในขณะนี้อนุญาตให้ถือไว้ 1 ปี ซึ่งสามารถเข้มงวดเพิ่มขึ้นได้ หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป

นอกจากนั้น ในการดูแลสภาพคล่องของเงินดอลลาร์นั้น ทุนสำรองทางการของ ธปท.อยู่ในระดับสูง และยังมีข้อตกลงระหว่างประเทศทั้งทวิภาคีและพหุภาคี เช่น ข้อตกลงเชียงใหม่ ที่ช่วยเสริมสภาพคล่องเงินตราต่างประเทศระยะสั้นกับประเทศในกลุ่มอาเซียน หากเกิดกรณีฉุกเฉินในประเทศใดประเทศหนึ่งอยู่แล้ว จึงไม่น่าเป็นห่วง ขณะเดียวกัน ในด้านของสถาบันการเงิน ในขณะนี้ผลกระทบของยุโรปที่รุนแรงจนกระทบฐานะของลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ในไทย หรือกระทบฐานะของระบบธนาคารพาณิชย์ของไทยนั้นยังไม่เกิดขึ้น

ดังนั้น จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องผ่อนคลายเกณฑ์ในการจัดชั้นหนี้เสียของลูกหนี้แต่อย่างใด เพราะยังเห็นสัญญาณที่ผิดปกติ แต่เรื่องเหล่านี้ ธปท.ได้มีการเตรียมการอย่างต่อเนื่องและสามารถนำมาใช้ได้หากเกิดกรณีร้ายแรง เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ในช่วงอุทกภัยปีที่ผ่านมา.

ข่าว